สวัสดีคร่าาาาา ป้ากลับมาอีกแล้วหลังจากเคยเม้าท์เรื่องของการทำความรู้จักกับผิวของเราไปแล้ว และตามที่ป้าเคยบอกแล้วว่าป้า (มีผิว) ขี้แพ้มากๆ เลยอยากจะมาเม้าท์เรื่องของการสังเกตุความแพ้ของผิวเรากันต่อ
สาวๆ ต้องหมั่นสังเกตผิวของตัวเองกันก่อนนะจ้ะ ไม่ใช่ว่าใครรีวิวอะไรว่าดีก็แห่ซื้อตามกันไปหมด เพราะผิวของเราแต่ละคนเหมือนกันซะที่ไหนอ่ะ อย่างป้านี่บอกเลยอะไรที่ว่าดีๆ เทพๆ ป้าแพ้มาหมดแล้วจร้าาาาา (จะภูมิใจทำไม) ทำให้หลายครั้งที่ป้าเสียเงินซื้อผลิตภัณฑ์แพงๆ มาแล้วใช้ได้นิดเดียวก็ต้องส่งต่อให้พี่ๆ น้องๆ นั่งมองเงินที่เสียไป น้ำตาไหลไป การสังเกตอาการแพ้ก็ไม่ได้ยากอะไรเล๊ยยยยย แค่ดูจากอาการดังนี้นะจ้ะสาวๆ
1. มีอาการคันๆ แสบๆ อันนี้ต้องดูลักษณะของครีมด้วยนะจ้ะ ถ้าเป็นครีมบำรุงทั่วๆ ไปก็ให้สังหรณ์ใจไว้ได้เลยว่าแพ้ แต่ถ้าเป็นครีมประเภทกรดวิตามินต่างๆ นี่ก็อาจจะเป็นผลของครีมเองที่จะต้องมีอาการแบบนี้
2. มีผื่นแดงๆ หรือตุ่มน้ำใสๆ หรือสิวอักเสบ แต่ก็อีกแหละดูด้วยว่ามีปัจจัยอื่นด้วยรึป่าว เช่น เป็นสิวช่วงฮอร์โมนมั้ย เป็นต้น
3. ผิวกร้าน อันนี้ก็เป็นอาการหนึ่งที่บ่งบอกว่าผิวฉันไม่โอกับครีมหรือเครื่องสำอางที่ใช้นะ ถ้าใช้ต่อไปเรื่อยๆ หน้าเธอจะแก่ หรือมีอาการอื่นตามมาอีก
4. เป็นผื่นดำๆ อันนี้ต้องหยุดเลยนะจ้ะ เพราะอาจจะเปิดจากครีม หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือส่วนผสมของพวกมะกรูด มะนาว แตงกวา สารพวกนี้จะให้ทำผิวเราไวต่อแสง ยิ่งใช้ผิวยิ่งบาง หรือสารที่แรงมากๆ อย่างสารไฮโรควิโนนยิ่งจะทำให้หน้าดำถาวรกู่ไม่กลับเลยนะจ้ะ
5. เป็นผื่นขาว อันนี้อาจจะเกิดจากใช้ครีม หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารปรอท หรือไฮโดรควิโนนที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งสารพวกนี้เป็นสารฟอกขาวทำให้ผิวเราอาจจะขาวกระดำกระด่าง และเกิดผลเสียตามมากกว่านั้นเยอะ อย. เค้าถึงไม่ให้ใช้ไงล่ะตัวเธอ
ข้างบนนี้ป็นอาการแพ้เบื้องต้นนะจ้ะ ซึ่งจริงๆ แต่ละคนก็มีอาการแพ้แต่ละอย่างไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะแพ้อย่างอื่นมากกว่านี้ เช่น เล็บเหลือง ผมร่วง หรืออื่นๆ อีกก็ได้จร้า ซึ่งถ้าเราสังเกตุพบว่ามีอาการแพ้ให้เราหยุดครีม หรือเครื่องสำอางทุกอย่างที่ใช้อยู่ รอจนผิวกลับมาปกติ แล้วค่อยทดสอบอาการแพ้ใหม่จากของที่มีอยู่ทีละอย่างเพื่อหาว่าเราแพ้สารอะไรบ้าง หรือลองทาบริเวณใต้ท้องแขน หรืออาจจะปรึกษาแพทย์ผิวหนังไปเลยก็ได้จร้า
วันนี้เอาไว้เท่านี้ก่อนเนอะไว้คราวหน้าจะมาบอกว่าป้าเองใช้ครีมอะไรบ้าง และแอบโชว์หนังหน้าป้าแก่ๆ คนนี้
ติดตามเนื้อหามาทำความรู้จักผิวของตัวเองได้ที่นี่จร้า http://non-secrets.blogspot.com/2015/03/blog-post_31.html
วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558
วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558
มาทำความรู้จักผิวของตัวเองกัน
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ป้าเป็นแค่ผู้หญิงธรรมด๊า ธรรมดาคนนึงที่หันมาดูแลตัวเองเมื่อไม่นานมานี้เอง แต่ก็ด้วยเพราะเป็นคนที่อายุก็เยอะแล้ว แถมผิวก็ดันบอบบางยิ่งกว่าตรูดเด็กทำให้ต้องลอง ต้องเฟ้นหาของที่เหมาะกับผิวของตัวเองให้ได้ (แต่ถามว่าปัจจุบันเจอที่ดีที่สุดรึยัง ตอบเลยว่ายัง...รึป่าว) ทำให้พอจะมีประสบการณ์ตรง ในการลองใช้โน่นนี่อยู่บ้าง จึงเกิดแรงบันดาลใจว่าเมื่อฉันเจอแล้วก็อยากจะแชร์บ้าง เผื่อจะมีสาวๆ ท่านใดจะได้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์อันน้อยนิดของป้า ป้าก็ถือว่าผลบุญในครั้งนี้จะส่งผลให้ป้าต่อไปในอนาคต
เกริ่นมาตั้งนานก่อนจะแนะนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ป้าได้ผ่านมาแล้วนั้นก็จะขออธิบายก่อนว่า ก่อนจะใช้อะไรซักอย่างเราต้องรู้จักผิวของตัวเองก่อน (รู้เค้ารู้เรา ซื้อร้อยอย่างใช้ได้ร้อยอย่างว่างั้น) เพื่อไม่เป็นการสุ่มลองมากเกินไป เพราะเปลืองทั้งเงิน เวลา และผิวของเรา แรกๆ ป้าเองก็ไม่รู้หรอก คิดแต่ว่าตัวเองผิวมันฉันจะต้องใช้แต่ของควบคุมความมันเท่านั้นซิ หารู้ไม่ยิ่งใช้ก็ยิ่งมัน ยิ่งมันก็ยิ่งกำจัดมัน แล้วก็มันอีก (เริ่มงงและ) แล้วเราจะรู้ได้ไงอ่ะว่าผิวเราเป็นยังไง อันนี้ป้าเองก็ไม่ได้จบหลักสูตรชีววิทยา กายภาคศาสตร์ (มีป่าวหลักสูตรนี้) แพทย์ศาสตร์ หรือเภสัชศาสตร์หรอกนะ ดังนั้นอย่าหวังอะไรที่เป็นหลักวิชาการ มีแค่จากประสบการณ์ล้วนๆ
ขั้นตอนการสังเกตสภาพผิวหน้าตัวเอง ด้วยตัวเอง
1. ล้างหน้าให้สะอาด ล้างแบบไม่ให้หลงเหลืออะไรเลย เช่น ใครที่แต่งหน้ามาอย่างหนาก็เอาออกให้หมดเหลือผิวหน้าเพียวๆ อย่างเดียวเลย
2. ซับหน้าให้แห้ง เน้นเด้อว่าซับอย่าถูแรงๆ แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง โดยไม่ต้องทาอะไรเลย
3. เอากระดาษซับมันยี่ห้ออะไรก็ได้มาซับ 4 จุดคือ หน้าผาก จมูก คาง และแก้มทั้ง 2 ข้าง เหนียงไม่ต้อง
4. ดูผลที่ได้จากกระดาษซับมัน
- หากกระดาษซับมันทั้ง 4 แผ่นแห้ง ไม่มีความมันติดมาเลย คือ ผิวแห้ง
- หากกระดาษซับมันทั้ง 4 แผ่นมีความมันเล็กน้อย คือ ผิวมันเล็กน้อย
- หากกระดาษซับมันทั้ง 4 แผ่นมีความมันมากๆ คือ ผิวมันมาก
- หากกระซับมันตรงหน้าผาก จมูก คางมัน แต่แก้ม ไม่มัน คือ ผิวผสม
ลองทำดูกันนะจ้ะสาวๆ เพื่อให้รู้ว่าผิวเราเป็นยังไง เราจะได้สามารถดูแลผิวของเราได้อย่างถูกวิธี โดยไม่ต้องกวาดซื้อผลิตภัณฑ์มากมายในท้องตลาดมาลองจนหน้าแหกแล้วแหกอีกก็ยังไม่เจอ กระเป๋าก็แฟ๊บแฟบ
วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2558
แนะนำสถานที่ทำบุญ : สถานสงเคราะห์คนพิการ การุณยเวศม์
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาสถานที่ทำบุญ
โดยเฉพาะทำบุญให้กับผู้พิการแล้วละก็ ขอแนะนำสถานสงเคราะห์คนพิการ การุณยเวศม์ โดยสถานที่แห่งนี้เป็นของหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลคนพิการอายุตั้งแต่ 18
ปีขึ้นไป
ที่ถูกทอดทิ้ง ขาดคนดูแล ไม่มีที่อยู่อาศัย เจ็บป่วย
รวมถึงผู้ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ซึ่งจะรับเฉพาะเพศหญิงเท่านั้น
ผู้เขียนเอง มีโอกาสได้เข้าไปทำบุญให้กับสถานสงเคราะห์คนพิการ
การุณยเวศม์ แห่งนี้ เนื่องในโอกาสทำบุญปีใหม่กับเพื่อนๆ ที่ทำงาน แวบแรกที่ได้เจอสมาชิกในสถานสงเคราะห์แห่งนี้
มันยิ้มไม่ออก มันเป็นความรู้สึกตื้อๆ แน่นๆ บรรยายไม่ถูก
เพราะทุกคนที่อยูที่นี่น่าสงสารมาก
สำหรับบรรยากาศและความรู้สึกในการทำบุญเลี้ยงอาหาร
ผู้เขียนจะเล่าให้ละเอียดในเรื่อง “ความสุขที่ยิ่งใหญ่ ของคนที่ถูกลืม...” สำหรับบทความนี้ ผู้เขียนขอสรุปข้อมูลและรายละเอียดสำคัญของ
สถานสงเคราะห์คนพิการ การุณยเวศม์ เพื่อให้ผู้ที่ไม่รู้จัก หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกสถานที่ทำบุญ ได้เข้าใจถึงประวัติความเป็นมา และความต้องการของคนที่นี่ว่าเค้าต้องการความช่วยเหลือในเรื่องอะไรเป็นหลัก
สถานที่ตั้ง
บ้านการุณยเวศม์ แห่งนี้ ตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท ในเขตเมืองพัทยา
จังหวัดชลบุรี ซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก สามารถติดต่อได้ที่ 105 หมู่ 3
ถนนสุขุมวิท
ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
10250 โทร.038-241741,
038-240137
ประวัติความเป็นมา
บ้านการุณยเวศม์ เปิดดำเนินการในวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.
2537 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
สยามบรมราชกุมารี พระราชทานนามสถานสงเคราะห์แห่งนี้ว่า “สถานสงเคราะห์คนพิการ
การุณยเวศม์” ซึ่งมีความหมายว่า “บ้านแห่งความกรุณา” สถานสงเคราะห์แห่งนี้อยู่ภายใต้สำนักบริการสวัสดิการสังคม
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ข้อมูลสำคัญ
ข้อมูลนี้ ผู้เขียนได้พูดคุยโดยตรงกับ จนท. ที่ดูแลบ้านการุณยเวศม์
โดยจะสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้ เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ
-
จำนวนสมาชิกที่อาศัยในบ้านการุณยเวศม์ 411
คน
-
จำนวนบุคลากร ประมาณ 50 คน
มีทั้งดูแลสวน ขับรถ ดูแลผู้ป่วย ทำอาหาร
-
สัดส่วนบุคลากรกับสมาชิกในบ้าน 1 ต่อ 20
นั่นหมายถึงบุคลากร
1 ท่าน ต้องดูแลผู้พิการและผู้ป่วยรวม 20 ท่าน
-
การทำงานของบุคลากร จะทำงานแบบ 24 ชั่วโมง
แล้วหยุด 1 วัน
-
อาหารสำหรับสมาชิกในบ้าน แบ่งเป็น 3 มื้อ คือ เช้า
กลางวัน และเย็น
-
อาหารมื้อเช้า 07.15 น. อาหารมื้อกลางวัน 11.00 น.
อาหารมื้อเย็น 15.45 น.
-
สิ่งที่ต้องการให้สนับสนุนเพิ่มเติม ได้แก่
o
บริจาคเลี้ยงอาหาร
o
บริจาคเงินและสิ่งของ
o
จัดกิจกรรมนันทนาการ
o
ศึกษาดูงาน
o
อาสาสมัคร/จิตอาสา
รายการที่ขอรับบริจาคพื้นฐาน
-
ผงซักฟอก สำหรับซักเครื่อง
-
พัดลมติดผนัง หรือพัดลมโคจร
-
ชุดชั้นในไซต์ปกติ และใหญ่
-
ข้าวสาร
-
ใบมีดโกน
-
เจลใส่แผล (INTRASITE GEL)
-
ยากิน โรคผิวหนัง (Fluvin)
-
ยาแก้ปวดประจำเดือน
-
หน้ากากอนามัย
-
ถุงมือแพทย์
-
Syringe (กระบอกฉีดยา) ขนาด 3, 5, 10 CC
-
ยาป้ายปาก, ยารักษาแผลในช่องปาก
-
โลชั่นทาผิว/น้ำมันทาผิว
สำหรับผู้พิการที่ผิวแห้ง
ความสุขที่ยิ่งใหญ่ ของคนที่ถูกลืม....
หญิงชราและหญิงพิการ ที่พักอาศัยอยู่ที่นี่
ทุกคนต่างมีแววตาที่มีความหวัง เพื่อให้ทุกวันของชีวิตยังมีลมหายใจ แม้จะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่มีครอบครัว
ไม่มี ลูก หลาน ญาติพี่น้อง มาดูแล แต่ความสุขที่ท่านเหล่านี้ได้รับคือสังคมเล็กๆ
แห่งนี้ ที่นำพาแต่ละท่านมาใช้ชีวิตร่วมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปทำบุญเลี้ยงอาหารกลางวันกับสถานสงเคราะห์ในลักษณะนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต
สถานสงเคราะห์นี้มีชื่อว่า สถานสงเคราะห์คนพิการ การุณยเวศม์ ก้าวแรกที่เข้าไปและเห็นคุณน้า คุณป้า คุณยาย เหล่านี้
เชื่อหรือไม่ว่ามันเป็นควาทรู้สึกแบบหดหู่ สังคมภายนอกที่เจอแต่ละวัน
กับสังคมในสถานสงเคราะห์แห่งนี้ช่างต่างกันฟ้ากับเหว สิ่งแรกที่ผู้เขียนนึกถึงคือ
ผู้ใหญ่ที่ผู้เขียนรักที่ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ คุณป้า และคุณน้า
โดยจินตนาการไปว่าถ้าเราตายไปแล้วท่านเหล่านี้ต้องลำบาก ไม่มีใครเลี้ยงดู
แล้วมาอยู่ที่นี่จะเป็นอย่างไร... น้ำตาหยดแรกเริ่มขึ้นเมื่อมาถึง....
เมื่อถึงเวลาอาหาร
สมาชิกในบ้านและบุคลากร ต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือในการยกหม้อ ยกถาดหลุม
โดยจะมีการแบ่งส่วนหนึ่งสำหรับสมาชิกที่สามารถเดินหรือนั่งรถเข็นมาทานที่โรงอาหารได้
และส่วนหนึ่งจะจัดไปสำหรับสมาชิกที่เดินไม่ได้ ต้องรับประทานอาหารที่ห้องนอน
และเชื่อหรือไม่ว่า
สมาชิกที่เจ็บป่วยถึงขนาดต้องรับประทานอาหารที่ห้องนอนนั้นมีกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด
ผู้เขียนเองได้อาสายกถาดหลุมที่บุคลากรได้ตักอาหารไว้แล้ว ไปเสริฟกับสมาชิกในบ้าน
เมื่อวางถานให้ท่านเหล่านั้น แต่ละท่านจะยกมือขอบคุณ จะยิ้มแย้มแจ่มใส จะพูดทักทายถึงความมีน้ำใจของเราที่มาช่วยบริจาคอาหารให้กับท่าน
เชื่อหรือไม่ว่า ณ จุดนี้ เป็นบ่อเกิดของ.... น้ำตาหยดที่สอง....
ในการแจกถาดอาหารให้กับสมาชิกนั้น
ผู้ที่ได้รับถาดอาหารแล้วจะต้องรอให้เพื่อนๆ ทุกคน ได้รับถาดอาหารครบเสียก่อน
หลังจากนั้น จะมีการยกมือไหว้และท่องอาขยาน เหมือนตอนเด็กๆ ที่ผู้เขียนเคยท่อง “
ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง.....” เมื่อท่องเสร็จ
ทุกท่านก็เริ่มรับประทาน ใครทานไม่อิ่มก็สามารถขอเติมได้ ในช่วงระยะเวลาที่ผู้เขียนนั่งดูคุณน้า
คุณป้า คุณยาย รับประทานอาหารนั้น มันเป็นความอิ่มใจที่บอกไม่ถูก
และเข้าใจในค่าของเงินมากขึ้น โดยเฉพาะเงินที่ใช้ซื้อกาแฟแพงๆ
เงินที่ใช้ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ แต่ซื้อแล้วเรากลับไม่ได้ใส่หรือใส่แค่ครั้งสองครั้ง
ถ้าเราลดมันลงไป แล้วนำมาให้ที่นี่ มันคงคุ้มกว่ากว่ามหาศาล
บทความนี้ผู้เขียนมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสถานสงเคราะห์
เพื่ออย่างน้อยหากต้องการทำบุญ หรือจะบริจาคสิ่งของอะไรก็ตาม
จะได้มีสถานสงเคราะห์เป็นตัวเลือกหนึ่งในการทำบุญ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่ได้อ่านบทความนี้จะระรึกถึงความรักของบุพการี
ผู้มีพระคุณทั้งหลาย และขอให้ท่านดูแล เอาใจใส่ และรักท่าน
เหมือนที่ท่านรักและดูแลเรามา
ผู้เขียน : สายธรรมกระแสชล
วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558
การยืนภาษีภงด.90-91
ถึงเวลาของการขอคืนภาษีกันแล้วจ้า.....สำหรับผู้มีเงินได้อย่างเรา
ๆ ไม่ควรจะละเลยการยืนภาษีนะคะ และที่สำคัญสำหรับเราก็คือการขอคืนเงินภาษี
หลายคนคงกำลังมองหาวิธีการยื่นแบบภาษีกันอยู่สินะ
วันนี้เจ๊จะมาบอกวิธีการยืนแบบภาษีผ่าน Internet กันจ้า
**สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเข้าทำรายการ** หามาวางไว้ข้างๆ ตัวเลยนะ
-
หนังสือรับรองการหักภาษีณ
ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ แห่งประมวลรัชฎากร (เอกสารที่ได้รับจาก HR ของบริษัทที่เราทำงาน)
ถ้าใครย้ายที่ทำงานระหว่างปี ให้ขอเอกสารนี้จากที่ทำงานเก่าด้วยนะคร๊า
-
เอกสารใบลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันชีวิต
(ทั้งหมด)
-
เอกสารใบลดหย่อนภาษี RTF / LMF
-
เลขบัตรประจำตัวประชาชนผู้ขอลดหย่อน
(ภรรยา,สามี,พ่อ,แม่,บุตร)
และคงมีอีกหลายอย่างเลย แต่สำหรับเจ๊ ใช้แค่ 2 ข้อแรก สำหรับท่านผู้อ่านลองดูตามภาพนี้เลยนะคะว่าต้องใช้อะไรกันบ้าง
ก็เตรียมกันไว้ก่อนเข้าระบบนะ...(สิบอกให่)
อ่ะมาเริ่มกันเลยนะคะ เข้าไปที่ http://www.rd.go.th/ ทำตามขั้นตอนกันได้เลยจ้า.... เลือกไปที่ “ยืนแบบผ่านอินเตอร์เน็ต”
พอมาถึงหน้าจอนี้ ก็เลือก
“ยืนแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา”
แต่เจ๊ไม่ได้เข้าเว็บนี่หรอกนะ
.....เจ๊ไปที่ Google คุณพี่กรูของเรานี่แหละ และเจ๊ก็พิมพ์คำว่า
“ยื่นภาษี”
พี่กรูเค้าก็จะไปควานหามาให้เจ๊เอง คลิกเข้าไปก็จะเจอหน้าแบบเนี่ย
ตามภาพนะจ๊ะ
**ใครที่ยังไม่เคยยื่นภาษีมาก่อนในชีวิต
ก็ให้ไปที่เมนู “ลงทะเบียน”
เลือกไปที่ “บุคคลธรรมดา”
เริ่มกรอกข้อมูลส่วนตัวกันได้เลยจ้า
(ต้องกรอกความจริงทุกประการนะคะ)
ลงทะเบียนกันไว้เรียบร้อยแล้วก็ไปเริ่มยืนแบบกันได้เลยค่ะ เลือกที่เมนู “ยืนแบบฯ” นะคะ (ถ้าใครเคยลงทะเบียนไว้แล้วก็มาเลือกที่เมนู
“ยืนแบบฯ” กันได้เลยค่ะ)
Login ตามที่ได้ลงทะเบียนเอาไว้
เมื่อ Login มาแล้วก็จะพบกับหน้าจอแสดงข้อมูลส่วนตัว
เพื่อให้ตรวจสอบความถูกต้องกันก่อน เราสามารถแก้ไขได้นะคะ แต่ถ้าไม่มีอะไรต้องแก้ไขก็ไปกันต่อเลยนะ
เลือกสภาพผู้มีเงินได้
ตามรายการที่เค้าถามมาเลยจ้า.....ตัวเจ๊ก็ต้องเลือก “โสด” อ่ะนะ
.....(โสดมาครึ่งคนละ -.-!!)
เมื่อตอบคำถามหมดแล้วก็ต้องทำขั้นตอนถัดไปเลยนะคะ
เลือกรายการเงินได้พึงประเมิน เลือกเงินที่ได้รับยกเว้น/ค่าลดหย่อน >>> เลือกกันไปได้เลยค่ะท่านผู้อ่าน
เลือกตามจริงนะคะ
กรอกตัวเลขเงินเดือน ค่าจ้าง
บำนาญ และภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ยอดเงินดูได้จาก 50 ทวิ ที่ได้รับจาก HR นะคะ)
ของเจ๊มีรายได้ทางเดียว ไม่มีรายได้จากส่วนอื่นอีก
ถ้าคุณผู้อ่านมีรายได้อื่น ๆ อีกก็ระบุได้ตามจริงนะคะ
มาถึงขั้นตอนบันทึกค่าลดหย่อน
เอาเอกสารที่เจ๊ให้เตรียมไว้ตั้งแต่ต้นขึ้นมานะคะ
ของเจ๊มีลดหย่อนแค่เบี้ยประกันชีวิตอย่างเดียว ลูกก็ไม่มี สามีก็ยังหาไม่ได้
พ่อแม่ก็อายุยังไม่ถึง 60 ....ไม่รู้จะขุดอะไรมาลดหย่อนละ เฮ้อออออ
เจ๊ทำประกันชีวิตไว้หลายกรมธรรม์ ต้องเอาตัวเลขมาบวกกันก่อน
ว่าลดหย่อนได้เท่าไหร่ ค่อยมากรอก
อ่ะมาถึงหน้าจอสำคัญ การคำนวณภาษี
เราไม่ต้องมานั่งบวก ลบ คูณ หาร เอาเองนะ ระบบของกรมสรรพากรเค้าอำนวยความสะดวกมาให้เราแล้ว
พอเข้ามาที่หน้าจอนี้เจ๊พุ่งสายตาปรี๊ดดดดไปที่ข้อสุดท้ายเลยคร๊า
และแล้ว....มียอดภาษีที่ชำระไว้เกินจ้า...เย้ๆๆ และอีกไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น
เจ๊ก็คลิกไปที่ >> ข้าพเจ้า
มีความประสงค์จะขอคืนเงินภาษี ....
เจ๊สวยนะ....แต่ไม่ได้ใจบุญ ที่จะบริจาคเงินภาษีที่จ่ายเกิน 555+
**รู้นะว่าบางคงสงสัยว่า เฮ้ย ปุ่ม Back อยู่ไหน....ไม่ต้องห่วงนะเราสามารถคลิกที่แถบสีฟ้าๆ ด้านบน ได้จ้า เจ๊ลองมาแล้ว กลับไปกรอกใหม่อยู่หลายรอบ
แต่ผลก็เท่าเดิมแหละ แหะ ๆ ^_^
จากหน้าจอที่แล้ว สรุปว่าเจ๊จะขอคืนเงินภาษีนะ
เจ๊ก็คลิกปุ่ม “ทำรายการต่อไป”
ระบบก็จะแสดง Pop Up เล็ก ๆ ให้เรากรอกเบอร์มือถือ (ซัมซุงฮีโร่) เข้าไป
เพื่อให้กรมสรรพากรแจ้งผลการคืนเงินภาษีผ่าน SMS ให้เรา
แต่ถ้าใครไม่อยากให้แจ้งก็กดยกเลิกไปเลยยยยย (ก็แล้วแต่นะ !!)
พอกรอกเบอร์โทรเสร็จใช่ป่ะ...
เค้าก็มีหน้าจอสรุปให้ว่าสุดท้ายแล้วข้อมูลตรงตามที่กรอกมาตั้งแต่ต้นนะ
และจะได้รับเงินคืนเป็นจำนวนเท่าไหร่ เราก็สอดส่ายสายตาไปให้ถี่ถ้วน
ถ้าถูกต้องแล้ว ก็คลิกไปที่ “ยืนยันการยื่นแบบ” กันได้เลยจ้า
เฮ้ยเสร็จแล้วอ่ะ ไม่มีไรยากนะ....**คุณคือหนึ่งพลัง
ช่วงหยุดยั้งภาวะโลกร้อน** เลอค่ามากกกกกก
>.<
ทีนี้ก็นอนตีลังกา
รอรับเงินที่บ้านกันได้เลยจ้า
เค้าจะส่งเช็คมาให้เราตามที่อยู่ที่เรากรอกไว้อ่ะแหละ
....(แต่ถ้าใครต้องจ่ายเพิ่ม อันนี้ต้องไปติดต่อที่กรมสรรพากรในเขตพื้นที่ของตนเองแล้วแหละ
เสียใจด้วยนะที่ไม่ได้เงินคืนเหมือนเจ๊ 555+ ^_^)
จบปิ๊งงงง !!
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)